สภาอุตสาหกรรมฯ มั่นใจไทยหาตลาดทดแทนได้ แต่อย่ามองเฉพาะแค่เรื่องขออเมริกา ต้อระวัง สินค้าจะไหลเข้าไทย ถ้าจีนและอินเดีย ถูกภาษีสูงเช่นกัน พร้อมวอนรัฐหนุน local content หรือ made in thailand ช่วยต่ออายุสินค้าของไทย พร้อมการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมในประเทศ

นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก Unlocking Thailand Future จัดโดย MCOT ว่า ตอนนี้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมล่าสุดเดือน มิ.ย.2568 อยู่ที่ 87.7 จากค่ากลาง 100 ถือว่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบ 9 เดือนย้อนหลัง แต่ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาล เพราะเป็นสิ่งที่มาจากความไม่มั่นใจ ไม่สบายใจ โดยภาคเอกชนมีทั้งหมด 47 กลุ่มอุตสาหกรรม ผลการสำรวจของเดือนมิ.ย.ที่น่าห่วงคือ สมาชิกของเราเกือบ 1 ใน 3 คือ 12 กลุ่มอุตสาหกรรม ที่มีความรู้สึกเชื่อมั่นในภาคอุตสาหกรรม เท่านั้น ขณะที่อีก 35 กลุ่มอุตสาหกรรมรู้สึกค่อนข้างไม่มั่นใจ

การส่งออกสินค้าไทยไปอเมริกา ต้องพึ่งพาตลาดอเมริกาถึง 18% จากการประชุมกับ 47 อุตสาหกรรม หลายกลุ่มมีความยืนดีที่ยอมลดภาษีนำเข้าจากอเมริกา 0% ยกเว้นบางกลุ่มอุตสาหกรรม ที่ยังมีข้อจำกัดเช่น เรื่องของกลุ่มเคมี ซึ่งต้องขอเวลาปรับตัว เคสที่เลวร้ายที่สุด ก็คือกลุ่มยานยนต์เขาก็เริ่มปรับตัว ไม่ได้ส่งออกไปอเมริกา เหลือเพียงมอเตอร์ไซต์และชิ้นส่วนที่ต้องรอระยะเวลา

“ แม้ว่า คนอเมริกามีประชากรอยู่กว่า 200 ล้านคน มีกำลังซื้อ 1 ใน 4 ของโลก แต่อย่าลืมว่ายังมีประชากรในโลกอีกเกือบ 8,000 ล้านคน ถ้าเราร่วมมือกับภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศร่วมมือกัน ทำงานเหนื่อยหน่อย เดินทางเยอะหน่อย เพื่อหาตลาดอื่นทดแทน สภาอุตฯ มั่นใจว่าเราทำได้” นายนาวา กล่าว

นายนาวา กล่าวต่อว่า สิ่งที่สภาอุตฯ อยากฝากคือ อย่ามองเฉพาะแค่เรื่องของเรากับอเมริกาเท่านั้น ต้องมองว่า ถ้าจีนและอินเดีย ถูกภาษีสูงเช่นกัน สินค้าจะไหลเข้าประเทศไทยหรือไม่ อุตสาหกรรมในประเทศไทยจะอยู่รอด หรือ ตาย

ดังนั้น ประเทศไทยต้องช่วยกันสร้างรั้วสูง กำแพงหนา ประตูเหล็ก ป้องกันสินค้าที่ทุ่มตลาดป้องกันสินค้าที่จะไหลเข้าไทย ด้วย เพราะเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 7-8 ปีก่อน กับนโยบายอเมริกา ทำให้สินค้าไหลมาที่อาเซียน ซึ่งตั้งแต่เดือนเมษายน ที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ได้เรียกสภาอุตฯไปหารือเรื่องสินค้าสวมสิทธิ์ เช่นกัน ต้องมีมาตรการลงโทษด้วย ไม่อย่างนั้นผู้บริสุทธิ์จะเดือดร้อน

สุดท้ายสิ่งที่สภาอุตฯย้ำและได้เสนอต่อนายกฯไปแล้วคือ การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมในประเทศ นอกจากการดูแลอุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น ไบโอ สินค้าเกษตร ซอฟต์พาวเวอร์ ยาดม ยาหม่อง หรือแม้กระทั่งกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารหมา และ แมว แล้ว อุตสาหกรรมดั้งเดิมก็อย่าปล่อยให้ตายง่ายๆ ตายทันที ถ้าให้เขาตายต้องเป็นการุณยฆาต ต้องมีระยะเวลาให้เขาเปลี่ยนอย่างไร ที่สำคัญควรมีการส่งเสริม local content หรือ made in thailand คือเรื่องสำคัญอยากให้กระทรวงการคลังหรือกรมบัญชีกลาง ใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 150,000 ล้านบาท มุ่งเน้นการใช้สินค้า made in thailand เพื่อช่วยต่ออายุช่วยคนโลคอลของประเทศไทย