ต้านไม่อยู่ ครึ่งปีแรกสินค้าจีนทะลักเข้าไทยเฉียด 1 ล้านล้าน เพิ่มจากปีก่อน 2.2 แสนล้าน แม้รัฐบาลจะมีมาตรการปราบปรามของห่วย และสวมสิทธิก็ตาม

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การค้า และปัญหาการขาดดุลการค้าของไทยกับจีนยังทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้รัฐบาลพยายามจะแก้ปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพ และสินค้าสวมสิทธิเข้ามาตีตลาดไทยก็ตาม โดยภาพรวมการค้าของไทยกับจีนช่วง 6  เดือนแรกของปี 68 (ม.ค.-มิ.ย. 68)  มีมูลค่า 70,434 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแยกเป็นไทยส่งออกไปจีนได้ 20,920 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 18.8% แต่ไทยกลับนำเข้าสินค้าจีน 49,514 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 31.8% ทำให้ไทยติดลบหรือขาดดุลการค้าจีนมากถึง 28,529 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 9.4-9.5 แสนล้านบาท 

“หากเปรียบเทียบสถานการณ์ปีนี้กับปีที่แล้ว  แม้ภาพรวมการค้าและการส่งออกไทยไปจีนจะเติบโตมาก แต่ยังมีสินค้านำเข้าจากจีนมามากกว่า ทำให้ตัวเลขการขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นถึง 2.2 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ในครึ่งปีแรกไทยขาดดุลการค้าจีนที่ 7.2 แสนล้านบาท”

อย่างไรก็ตาม สินค้าที่ไทยนำเข้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าทุน วัตถุดิบ กึ่งทุน เครื่องจักร เหล็ก แผงวงจรไฟฟ้า เพื่อนำมาใช้ขยายกำลังการผลิต ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคต แต่ก็พบว่ามีการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านมาสูงเช่นกัน ส่วนสินค้าที่ไทยส่งออกไปจีนมาก กลับเป็นสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าไม่สูงนัก เช่น ผลไม้ ยางพารา ไม้ มันสำปะหลัง ยกเว้นคอมพิวเตอร์ที่เติบโตดี 191% 

สำหรับสินค้าที่ไทยนำเข้าจากจีนมาก 10 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ 8,677 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 5,002 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน 3,269 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เคมีภัณฑ์ 2,972 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 2,806 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 2,313 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ 1,956 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แผงวงจรไฟฟ้า 1,871 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ 1,736 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผลิตภัณฑ์โลหะ 1,626 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนสินค้าที่ไทยส่งออกไปจีนมากสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง 3,552 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 3,424 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ผลิตภัณฑ์ยาง 2,081 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยางพารา 1,071 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  เม็ดพลาสติก 1,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 951 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทองแดงและของทำด้วยทองแดง 772 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 696 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  เคมีภัณฑ์ 682 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสินค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆ 689 ล้านดอลลาร์สหรัฐ